Беларусь  БеларусьDeutschland  DeutschlandUnited States  United StatesFrance  FranceҚазақстан  ҚазақстанLietuva  LietuvaРоссия  Россияประเทศไทย  ประเทศไทยУкраина  Украина
สนับสนุน
www.aawiki.th-th.nina.az
  • บ้าน

บทความน จำเป นต องปร บปร งให เป นป จจ บ นโปรดปร บปร งบทความให เป นไปตามเหต การณ ป จจ บ นหร อล าส ดบทความน ย งต องการเพ ม

ประเทศเยเมน

  • หน้าแรก
  • ประเทศเยเมน
ประเทศเยเมน
www.aawiki.th-th.nina.azhttps://www.aawiki.th-th.nina.az
บทความนี้จำเป็นต้องปรับปรุงให้เป็นปัจจุบัน โปรดปรับปรุงบทความให้เป็นไปตามเหตุการณ์ปัจจุบันหรือล่าสุด
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง คุณสามารถพัฒนาบทความนี้ได้โดยเพิ่มแหล่งอ้างอิงตามสมควร เนื้อหาที่ขาดแหล่งอ้างอิงอาจถูกลบออก
หาแหล่งข้อมูล: "ประเทศเยเมน" – ข่าว · หนังสือพิมพ์ · หนังสือ · สกอลาร์ · JSTOR (เรียนรู้ว่าจะนำสารแม่แบบนี้ออกได้อย่างไรและเมื่อไร)

เยเมน (อังกฤษ: Yemen; อาหรับ: ٱلْيَمَنْ) หรือ สาธารณรัฐเยเมน (อังกฤษ: Republic of Yemen; อาหรับ: ٱلْجُمْهُورِيَّةُ ٱلْيَمَنِيَّةُ) เป็นรัฐเอกราช ตั้งอยู่ในเขตเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของ คาบสมุทรอาหรับ, มีชายแดนทางเหนือติดกับ ซาอุดีอาระเบีย, ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือติดกับโอมาน, ทางใต้ติดกับ มหาสมุทรอินเดีย, แบ่งปันกับประเทศเอริเทรีย, ประเทศจิบูตี และ ประเทศโซมาเลีย ข้าม จะงอยแอฟริกา ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 528,000 ตารางกิโลเมตร (204,000 ตารางไมล์) มีแนวชายฝั่งประมาณ 2,000 กิโลเมตร (1,200 ไมล์) เยเมนเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับสองบนคาบสมุทรอาหรับซานา เป็นเมืองหลวงตามรัฐธรรมนูญและเมืองที่ใหญ่ที่สุด ประชากรเยเมนโดยประมาณอยู่ที่ 34.7 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นชาวอาหรับ มุสลิม เป็นสมาชิกของสันนิบาตอาหรับ, สหประชาชาติ, ขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และองค์การความร่วมมืออิสลาม

สาธารณรัฐเยเมน

ٱلْجُمْهُورِيَّةُ ٱلْيَمَنِيَّةُ (อาหรับ)
image
ธงชาติ
image
ตราแผ่นดิน
คำขวัญ: ٱللَّهُ، ٱلْوَطَنُ، ٱلثَوْرَةُ، ٱلْوَحْدَةُ (อาหรับ)
Allāh, al-Waṭan, ath-Thawrah, al-Waḥdah
“พระเป็นเจ้า, ประเทศ, การปฏิวัติ, ความสามัคคี”
เพลงชาติ: "สหสาธารณรัฐ"
(อาหรับ: الجمهورية المتحدة, อักษรโรมัน: al-Jumhūrīyah al-Muttaḥidah)
image Location in the Eastern Hemisphere
image Yemen and its neighbors
สถานะ
สงครามกลางเมือง
ได้รับการยอมรับจาก
สหประชาชาติ
เมืองหลวง
และเมืองใหญ่สุด
ซานา
15°20′54″N 44°12′23″E / 15.34833°N 44.20639°E / 15.34833; 44.20639
เมืองหลวงพลัดถิ่นเอเดน (การบริหารของประธานาธิบดี)
ภาษาหลัก
และภาษาของชาติ		ภาษาอาหรับ
กลุ่มชาติพันธุ์
(2000)
  • 92.8% อาหรับ
  • 3.7% โซมาลี
  • 3.7%
ศาสนา
(2020), ดูเพิ่มเติม
  • ~99.1% (ทางการ)
    • 65% ซุนนี
    • 35% ชีอะฮ์
  • ~0.9%
เดมะนิม
การปกครองรัฐเดี่ยว โดย สาธารณรัฐ แบบชั่วคราว
• 
(โต้แย้ง)
• 
(โต้แย้ง)
สภานิติบัญญัติรัฐสภา
• สภาสูง
• สภาล่าง
• สถาปนาราชอาณาจักรมุตาวัคคิไลต์เยเมนa

30 ตุลาคม ค.ศ. 1918
• สาธารณรัฐอาหรับเยเมน
26 กันยายน ค.ศ. 1962
• ได้รับเอกราชb

30 พฤศจิกายน ค.ศ. 1967
• 
22 พฤษภาคม ค.ศ. 1990
• 
16 พฤษภาคม ค.ศ. 1991
• สงครามกลางเมืองเยเมน
16 กันยายน ค.ศ. 2014
พื้นที่
• รวม
555,000 ตารางกิโลเมตร (214,000 ตารางไมล์) (อันดับที่ 49)
• แหล่งน้ำ (%)
น้อยมาก
ประชากร
• ค.ศ. 2023 ประมาณ
34,449,825image (อันดับที่ 48)
• ความหนาแน่น
65.0 ต่อตารางกิโลเมตร (168.3 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 152)
จีดีพี (อำนาจซื้อ) ค.ศ. 2023 (ประมาณ)
• รวม
image 69.963 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 109)
• ต่อหัว
image 2,053 ดอลลาร์สหรัฐ ()
จีดีพี (ราคาตลาด) ค.ศ. 2023 (ประมาณ)
• รวม
image 21.045 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 123)
• ต่อหัว
image 617 ดอลลาร์สหรัฐ ()
จีนี (ค.ศ. 2014)36.7
ปานกลาง
เอชดีไอ (ค.ศ. 2022)image 0.424
ต่ำ · อันดับที่ 186
สกุลเงิน (YER)
เขตเวลาUTC+3 (AST)
ขับรถด้านขวามือ
รหัสโทรศัพท์
รหัส ISO 3166
โดเมนบนสุด.ye,
  1. จากจักรวรรดิออตโตมัน
  2. จาก สหราชอาณาจักร

ด้วยทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ เยเมนเป็นจุดศูนย์กลางความเจริญรุ่งเรืองของอารยธรรมต่างๆ มานานกว่า 7,000 ปี ได้ก่อตั้งอาณาจักรการค้าที่รุ่งเรือง ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของเอธิโอเปีย และเอริเทรียสมัยใหม่ด้วย หลังจากนั้น ในปี ค.ศ. 275 อาณาจักรฮิมยัร ได้เข้ามาแทนที่ ครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของเยเมนในปัจจุบัน และได้รับอิทธิพลอย่างมากจากศาสนายูดายศาสนาคริสต์เข้ามาเผยแพร่ในเยเมนราวศตวรรษที่ 4 ต่อมาในศตวรรษที่ 7 ศาสนาอิสลามได้แพร่หลายอย่างรวดเร็ว กองทหารเยเมนมีบทบาทสำคัญในช่วงแรกของการพิชิตดินแดนเพื่อขยายอาณาจักรอิสลาม ราชวงศ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 9 ถึง 16 ในช่วงศตวรรษที่ 19 ประเทศถูกแบ่งระหว่างจักรวรรดิออตโตมันและอังกฤษ หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ราชอาณาจักรมุตาวัคคิไลต์เยเมนได้ถูกสถาปนาขึ้น ซึ่งในปี ค.ศ. 1962 ได้กลายเป็นสาธารณรัฐอาหรับเยเมน (เยเมนเหนือ) ภายหลังการรัฐประหาร ในปี ค.ศ. 1967 บริติชกลายเป็น (เยเมนใต้) ซึ่งเป็นรัฐสังคมนิยมอย่างเป็นทางการแห่งแรกและแห่งเดียวในโลกอาหรับ ในปี ค.ศ. 1990 รัฐทั้งสองของเยเมนได้รวมตัวกันเพื่อก่อตั้งสาธารณรัฐเยเมนสมัยใหม่ (อัล-จุมฮูรียาห์ อัล-ยามานียาห์) โดยมี ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนแรกจนกระทั่งเขาลาออกในปี ค.ศ. 2012 หลังกระแสอาหรับสปริง

ตั้งแต่ปี 2011 เยเมนเผชิญวิกฤตทางการเมือง รัฐบาลเผชิญการประท้วงบนท้องถนนจากประชาชน เนื่องจากปัญหาความยากจน ว่างงาน การทุจริต และแผนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อยกเลิกการจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของซาเลห์ สถานการณ์เลวร้ายลงจนถึงปี 2015 ประเทศเข้าสู่สงครามกลางเมือง มีหลายฝ่ายที่ต้องการช่วงชิงอำนาจปกครอง ฝ่ายต่างๆเหล่านี้ ได้แก่ คณะรัฐบาลที่ได้รับการรับรองจากประชาคมโลก นำโดย (Presidential Leadership Council), คณะกรรมการการเมืองสูงสุดของกลุ่มฮูษี (Houthi movement's Supreme Political Council) และ คณะกรรมการบริหารฝ่ายใต้ (Southern Transitional Council) ซึ่งเป็นกลุ่มแบ่งแยกดินแดนภาคใต้ ความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงและมีการแทรกแซงจากต่างชาติหลายประเทศ นำไปสู่วิกฤตด้านมนุษยธรรมที่รุนแรง

เยเมนถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในประเทศพัฒนาน้อยที่สุดของโลก เนื่องจากเผชิญปัญหาและอุปสรรคอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีปัญหาความยากจนรุนแรงที่สุดในแถบ ตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ในปี 2019 องค์การสหประชาชาติรายงานว่าเยเมนมีจำนวนผู้คนที่ต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมมากที่สุด ซึ่งคิดเป็นประมาณ 24 ล้านคน หรือเกือบ 75% ของประชากรทั้งหมด เยเมนติดอันดับประเทศเปราะบางที่สุดในดัชนีความเปราะบาง (Fragile States Index) และอยู่ในอันดับสองที่เลวร้ายที่สุดในดัชนีความหิวโหยโลก (Global Hunger Index) รองเพียงสาธารณรัฐแอฟริกากลางเท่านั้น นอกจากนี้ เยเมนยังมีดัชนีการพัฒนามนุษย์ (Human Development Index) ต่ำที่สุดในบรรดประเทศนอกทวีปแอฟริกาอีกด้วย

ศัพทมูลวิทยา

คำว่า ยัมนัต (Yamnat) ปรากฎครั้งแรกในจารึกอาระเบียใต้โบราณ (Old South Arabian inscriptions) โดยใช้เป็นบรรดาศักดิ์ของกษัตริย์องค์หนึ่งในอาณาจักรฮิมยัรที่สอง (second Himyarite Kingdom) พระนามว่า ชัมมาร์ ยาห์ริช (Shammar Yahri'sh) คาดว่าคำนี้ น่าจะหมายถึงแนวชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของคาบสมุทรอาหรับ (Arabian Peninsula) และแนวชายฝั่งด้านใต้ ระหว่างเมืองเอเดน (Aden) กับฮาดรามอุต (Hadhramaut)ประวัติศาสตร์เยเมนรวมอาณาเขตที่ใหญ่กว่าประเทศปัจจุบันมาก โดยทอดยาวตั้งแต่ทางตอนเหนือของ 'Asir ทางตะวันตกเฉียงใต้ของซาอุดีอาระเบียไปจนถึง Dhofar ทางตอนใต้ของโอมาน

ศัพท์มูลวิทยาคำหนึ่งมาจากเยเมนจากคำว่า ymnt ซึ่งแปลว่า "ทางใต้ [ของคาบสมุทรอาหรับ]" อย่างแท้จริง และมีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องดินแดนทางขวา (𐩺𐩣𐩬) แหล่งข้อมูลอื่นๆ อ้างว่าเยเมนเกี่ยวข้องกับคำว่า "yamn" หรือ "yumn" ซึ่งหมายถึง "ความสุข" เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศมีความอุดมสมบูรณ์ ตรงกันข้ามกับดินแดนแห้งแล้งในพื้นที่ส่วนใหญ่ของอาระเบีย ชาวโรมันเรียกมันว่า อาราเบีย เฟลิกซ์ ("มีความสุข" หรือ "โชคดี" อาระเบีย") ตรงข้ามกับ อาราเบีย เดเซิร์ตา ("อาระเบียร้าง") นักเขียนภาษาละตินและกรีกเรียกเยเมนโบราณว่า "อินเดีย" ซึ่งเกิดขึ้นจากชาวเปอร์เซียที่เรียกเยเมนโบราณว่า ชาวอะบิสซิเนียนที่พวกเขามาติดต่อด้วยในอาระเบียใต้โดยใช้ชื่อคนผิวดำที่อาศัยอยู่ข้าง ๆ

ประวัติศาสตร์

ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้

เยเมนดำรงอยู่ตรงทางแยกทางอารยธรรมมาเป็นเวลากว่า 7,000 ปีแล้ว ประเทศนี้เป็นที่ตั้งของบุคคลสำคัญ เช่น พระราชินีแห่งเชบา ซึ่งนำของขวัญมาถวายกษัตริย์ซาโลมอน เป็นเวลาหลายศตวรรษมาแล้วที่แห่งนี้เป็นผู้ผลิตกาแฟหลักที่ส่งออกไปยังท่าเรือโมคา นับตั้งแต่เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามในศตวรรษที่ 7 เยเมนก็กลายเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้อิสลาม และสถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ยังคงอยู่มาจนถึงยุคปัจจุบัน

ประวัติศาสตร์สมัยโบราณ

image
ซากปรักหักพังของเขื่อนใหญ่แห่งมาริบ

เยเมน มีเส้นทางเดินเรือทางทะเลที่ยาวนาน เชื่อมระหว่างอารยธรรมตะวันออกและตะวันตก ทำให้เยเมนเป็นจุดศูนย์กลางทางวัฒนธรรมมายาวนาน โดยมีที่ตั้งทางยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับการค้าขาย บริเวณชายฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรอาหรับ ตั้งแต่ยุคแรกๆ ราว 5,000 ปี ก่อนคริสต์ศักราช บนเทือกเขาทางภาคเหนือของเยเมน ก็ปรากฏชุมชนขนาดใหญ่ซึ่งถือว่าเป็นเมืองใหญ่ในยุคนั้นแล้ว อาณาจักรซาบาอันเกิดขึ้นอย่างน้อยในช่วงศตวรรษที่ 12 ก่อนคริสต์ศักราช อาณาจักรหลักสี่แห่งหรือสมาพันธ์ชนเผ่าในอาระเบียตอนใต้ ได้แก่ ซาบา ฮัดราเมาต์ กอตาบัน และมาอิน

ซาบา (อาหรับ: سَـبَـأ) คิดว่าเป็นชีบาตามพระคัมภีร์และเป็นสหพันธ์ที่โดดเด่นที่สุด ผู้ปกครองชาวซาบาใช้ชื่อ มุคาร์ริบ ซึ่งโดยทั่วไปคิดว่าหมายถึง การรวมเป็นหนึ่งเดียว หรือ พระภิกษุกษัตริย์ หรือหัวหน้าสมาพันธ์อาณาจักรอาระเบียใต้ กษัตริย์แห่งกษัตริย์ บทบาทของมูคาร์ริบคือการนำชนเผ่าต่าง ๆ มาอยู่ใต้อาณาจักรและเป็นนายเหนือพวกเขาทั้งหมด ชาวซาบาสร้างเขื่อนใหญ่แห่งมาริบประมาณ 940 ปีก่อนคริสตกาล เขื่อนถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันน้ำท่วมฉับพลันตามฤดูกาลที่ไหลลงมาตามหุบเขา

เมื่อถึงศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์ศักราช Qataban, Hadhramaut และ Ma'in เป็นอิสระจาก Saba และตั้งถิ่นฐานในเวทีเยเมน การปกครองแบบมีเนียนแผ่ขยายไปจนถึงเดดาน บนเทือกเขาทางภาคเหนือของเยเมน มีชุมชนขนาดใหญ่ซึ่งถือเป็นเมืองใหญ่ในยุคนั้นแล้ว ตั้งแต่ราว 5,000 ปี ก่อนคริสต์ศักราช โดยมีเมือง บารัก (Baraqish) เป็นศูนย์กลาง หลังจากอาณาจักร คัตตบัน (Qataban) ล่มสลายในปี 50 ก่อนคริสต์ศักราช ชาวซาบา (Sabaeans) ก็กลับมายึดครอง เมืองแมอืน (Ma'in) ได้อีกครั้ง และในช่วงเวลาที่กองทัพโรมันยกทัพเข้าสู่ อาณาจักรอาหรับฟีลิกซ์ (Arabia Felix) เมื่อ 25 ปีก่อนคริสต์ศักราช ชาวซาเบียนก็กลับมามีอำนาจเหนือสุดในดินแดนอาหรับใต้ อีกครั้งหนึ่ง เอลิอุส กัลลุส (Aelius Gallus) ได้รับคำสั่งให้นำกำลังทหารเพื่อสร้างอำนาจปกครองของโรมันเหนือชาวซาบา

ชาวโรมันมีความรู้ทางภูมิศาสตร์ที่คลุมเครือและขัดแย้งกันเกี่ยวกับอาระเบียเฟลิกซ์ (Arabia Felix) กองทัพโรมันจำนวน 10,000 นายพ่ายแพ้ต่อมาริบ ความสัมพันธ์ใกล้ชิดของสตราโบ (Strabo) กับ เอลิอุส กัลลุส (Aelius Gallus) ทำให้เขาพยายามหาข้อแก้ตัวให้กับความพ่ายแพ้ของเพื่อนในงานเขียนของเขา ชาวโรมันใช้เวลาหกเดือนในการเดินทางไปถึงมาริบ (Marib) และ 60 วันเพื่อกลับไปที่อียิปต์ ชาวโรมันตำหนิผู้นำนาบาเทียน (Nabataean) และประหารชีวิตเขาในข้อหาทรยศ ยังไม่พบการกล่าวถึงโดยตรงในจารึกการเดินทางของโรมันของชาวซาบา

หลังจากการรุกรานของโรมัน (อาจเร็วกว่านั้น) ประเทศก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย และแบ่งเป็นสองกลุ่ม ได้แก่ ฮัมดาน (Hamdan) และฮิมยาร์ (Himyar) อ้างสิทธิ์ในการเป็นกษัตริย์ โดยรับตำแหน่งเป็นกษัตริย์แห่งเชบา (Sheba) และดู เรย์ดาน (Dhu Raydan) ดู เรย์ดาน (Dhu Raydan) หรือก็คือ ชาวฮิมยัร เป็นพันธมิตรกับ อักซุม (Aksum) ในเอธิโอเปียเพื่อต่อต้านชาวซาบา เอล ชาริห์ ยะห์ดิบ (El Sharih Yahdhib) หัวหน้าเผ่า บากิล (Bakil) และเป็นทั้งกษัตริย์แห่งอาณาจักรซาบา (Saba) และ ดู่เรย์ดาน (Dhu Raydan) ได้ทำการรณรงค์ทางทหารประสบความสำเร็จต่อฮิมยัร และ อาณาจักรฮาเบช (Habashat) ซึ่งก็คือ อาณาจักรแอคซัม (Aksum) นั่นเอง เอล ชาริห์ ภูมิใจในชัยชนะจากการรบ และได้เพิ่มคำว่า ยะห์ดิบ (Yahdhib) ซึ่งมีความหมายว่า "ผู้ปราบปราม" ต่อท้ายชื่อของตนเอง นอกจากนี้ เขายังมีวิธีการประหารศัตรูที่โหดเหี้ยมด้วยการหั่นศพเป็นชิ้น ๆ ในรัชสมัยของเอล ชาริห์ เมืองซานา (Sana'a) เริ่มมีความสำคัญมากขึ้น เนื่องจากเขาได้สร้าง พระราชวังฆุมดาน (Ghumdan Palace) เป็นที่ประทับ

image
กษัตริย์แห่งอาณาจักรฮิมยัร พระเจ้าดามาร์อาลี ยะห์บูร์ที่ 2 (King Dhamar'ali Yahbur II)
image
ป้ายหลุมศพของชาวซาบาเป็นรูปผู้หญิงถือฟ่อนข้าวสาลี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ในเยเมนโบราณ

ชาวฮิมยัร (Himyarite) ได้เข้ายึดเมืองซานา (Sana'a) จากฮัมดาน (Hamdan) ประมาณ ค.ศ. 100 ชนเผ่าฮัชดี (Hashdi) กบฏต่อพวกเขาและยึดเมืองซานา (Sana'a) คืนมาได้ช่วง ค.ศ. 180 ชัมมาร์ ยาห์ริช (Shammar Yahri'sh) สามารถพิชิต ฮาดรามอุต (Hadhramaut) , นัจราน (Najran) และ ติฮาฟัง (Tihamah) ได้สำเร็จภายในปี ค.ศ. 275 นำไปสู่การรวมเยเมนเป็นหนึ่งเดียวและเสริมความแข็งแกร่งให้กับอาณาจักรฮิมยัร (Himyarite) ชาวฮิมยัรปฏิเสธลัทธิพหุเทวนิยม และปฏิบัติตามรูปแบบที่ยินยอมของลัทธิเอกเทวนิยมที่เรียกว่าเราะห์มาน (Rahmanan)

ในปี 354 จักรพรรดิแห่งโรมัน คอนสแตนเชียสที่ 2 ได้ส่งสถานทูตที่นำโดยธีโอฟิลอส ชาวอินเดีย (Theophilos the Indian) เพื่อเปลี่ยนชาวฮิมยัร มานับถือศาสนาคริสต์ ฟิโลสตอร์จิอุส (Philostorgius) นักประวัติศาสตร์ชาวกรีก บันทึกว่า มีชาวยิวในพื้นที่ต่อต้านคณะทูต อย่างไรก็ตาม มีการค้นพบจารึกหลายชิ้นในภาษาฮีบรู (Hebrew) และ ภาษาซาเบียน (Sabaean) ซึ่งยกย่องเชื้อพระวงศ์ผู้ปกครองในแง่ของศาสนายิว โดยมีความว่า "...ให้ความช่วยเหลือและเสริมพลังแก่ชนชาติอิสราเอล"

ตามความเชื่อของชาวอิสลาม กษัตริย์อัสอาดผู้บริสุทธิ์ (As'ad the Perfect) เคยยกทัพไปช่วยเหลือชาวยิวใน ยัษริบ (Yathrib) จากจารึกระบุว่า อาบู คาริบ อัสอาด (Abu Kariba As'ad) เคยนำกองทัพไปรบที่ภาคกลางของคาบสมุทรอาหรับ หรือ นัจด์ (Najd) เพื่อสนับสนุน อาณาจักรคินดา (Kingdom of Kinda) ประเทศราชต่อต้าน ลัคนมิด (Lakhmids) อย่างไรก็ตาม ในรัชสมัยอันยาวนานของเขา ไม่พบหลักฐานอ้างอิงโดยตรงถึงศาสนายิวหรือ เมืองยัษริบ อาบู คาริบ สิ้นพระชนม์เมื่อปี 445 หลังครองราชย์เกือบ 50 ปี ในปี 515 อาณาจักรฮิมยัร เกิดความขัดแย้งภายในรุนแรงตามแนวเส้นแบ่งทางศาสนา ความขัดแย้งอันรุนแรงระหว่างกลุ่มต่างๆ ปูทางให้อาณาจักรแอคซัม (Aksumite) เข้าแทรกแซง กษัตริย์องค์สุดท้ายของฮิมยาริต มาอดีคาริบ ยาฟัวร์ (Ma'adikarib Ya'fur) ได้รับการสนับสนุนจากอาณาจักรแอคซัม ต่อสู้กับคู่แข่งชาวยิว มาอดีคาริบ นับถือศาสนาคริสต์ และยกทัพไปรบกับ ลัคนมิด (Lakhmids) ทางใต้ของอิรัก โดยได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรอาหรับอื่นๆ ของ บิแซนเทียม ชนเผ่าลัคนมิดเป็นเสาหลักของ จักรวรรดิเปอร์เซีย (Persia) ซึ่งไม่ยอมรับศาสนาที่เผยแพร่ศาสนาอย่างจริงจัง เช่น ศาสนาคริสต์

หลังจากการเสียชีวิตของ มาอดีคาริบ ยาฟัวร์ (Ma'adikarib Ya'fur) ราวปี 521 ผู้นำชาวยิว ชาวฮิมยัรชื่อ ดู่ นูวาส (Dhu Nuwas) ขึ้นสู่อำนาจ จักรพรรดิ จัสติเนียนมหาราช (Justinian I) แห่งจักรวรรดิโรมันตะวันออก (Byzantine Empire) ได้ส่งคณะทูตไปยังเยเมน จักรพรรดิต้องการให้ ชาวฮิมยัรที่นับถือศาสนาคริสต์อย่างเป็นทางการ ใช้อิทธิพลกับชนเผ่าเร่ร่อนในคาบสมุทรอาหรับตอนกลาง เพื่อทำการรบกับเปอร์เซีย จัสติเนียนมหาราช ได้มอบ "บรรดาศักดิ์กษัตริย์" แก่ เชคอาหรับ (Arab sheikhs) แห่ง คินดะห์ (Kindah) และ กัซซาน (Ghassan) ในภูมิภาคตอนกลางและเหนือของคาบสมุทรอาหรับ ตั้งแต่ช่วงแรก นโยบายของโรมันและไบแซนไทน์ คือการสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับอาณาจักรต่างๆ บนชายฝั่งทะเลแดง พวกเขาประสบความสำเร็จในการเผยแพร่ ศาสนาคริสต์ แก่อาณาจักรแอคซัม[] และส่งผลต่อวัฒนธรรมของอาณาจักร สำหรับเยเมนแล้ว ผลลัพธ์ค่อนข้างน่าผิดหวัง

ยาซิด บิน คับชัต (Yazid bin Kabshat) เจ้าชายแห่งคินดะห์ (Kendite prince) ก่อกบฏต่อ อับราฮา (Abraha) และพันธมิตรชาวคริสต์อาหรับ สงครามสงบลงหลังจากเขื่อนมาริบ (Great Dam of Marib) ได้พังทลาย อับราฮา เสียชีวิตราวปี 570 จักรวรรดิซาเซเนียน เข้ายึดครองเอเดน (Aden) ราวปี 570 ภายใต้การปกครองของพวกเขา ดินแดนส่วนใหญ่ของเยเมน ยกเว้นเอเดนและซานา ต่างก็ได้รับอิสระภาพค่อนข้างมาก ยุคนี้ถือเป็นยุคที่อารยธรรมอาหรับใต้โบราณล่มสลาย เนื่องจากประเทศส่วนใหญ่ถูกปกครองโดยชนเผ่าอิสระหลายกลุ่ม จนกระทั่งศาสนาอิสลามเข้ามาในปี 630

ยุคกลาง

ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้

การแบ่งเขตการปกครอง

image
แผนที่ของภูมิภาคสหพันธรัฐเยเมน

เยเมนแบ่งออกเป็นเขตผู้ว่าการ 20 เขต (มุฮาฟะเซาะฮ์ ล่าสุดคือเขตผู้ว่าการเรย์มะฮ์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2004) และเขตเทศบาลอีก 1 แห่งชื่อ "อะมานะฮ์ตุลอาศิมะฮ์" (Amanat Al-Asemah) (รวมเข้ากับเมืองหลวงตามรัฐธรรมนูญ 'ซานา' ในภายหลัง) เขตว่าการโซโคตรา (Soqatra) ถูกจัดตั้งขึ้นเพิ่มเติมในเดือนธันวาคม 2013 ครอบคลุมพื้นที่ของเกาะโซโคตรา ซึ่งเดิมเป็นส่วนหนึ่งของเขตว่าการฮัฎเราะเมาต์ (Hadhramaut) เขตว่าการต่าง ๆ ถูกแบ่งย่อยลงไปอีก 333 อำเภอ (เรียกว่า มูเดริยอะห์) ซึ่งแบ่งย่อยออกเป็น 2,210 ตำบล จากนั้นจึงแบ่งออกเป็น 38,284 หมู่บ้าน (ณ ปี ค.ศ. 2001)

ในปี 2014, คณะกรรมการรัฐธรรมนูญได้ตัดสินใจแบ่งประเทศออกเป็นหกภูมิภาค สี่แห่งทางตอนเหนือ สองแห่งทางทิศใต้ และเมืองหลวงซานานอกภูมิภาคใด ๆ เพื่อสร้างรูปแบบการปกครองแบบสหพันธรัฐ ข้อเสนอของรัฐบาลกลางนี้เป็นปัจจัยเอื้อต่อการรัฐประหารต่อต้านรัฐบาลของกลุ่มฮูตีในเวลาต่อมา

image
แผนที่เขตการปกครองของประเทศเยเมน
  1. (Saada)
  2. (Al Jawf)
  3. (Hadhramaut)
  4. (Al Mahrah)
  5. (Hajjah)
  6. (Amran)
  7. (Al Mahwit)
  8. อะมานะฮ์ตุลอาศิมะฮ์
    (เมืองซานา)     (Amanat Al Asimah
    (Sana'a City))
  9. ซานา (Sana'a)
  10. (Ma'rib)
  11. (Al Hudaydah)
  12. (Raymah)
  13. (Dhamar)
  14. (Ibb)
  15. (Dhale)
  16. (Al Bayda)
  17. ชับวะฮ์ (Shabwah)
  18. (Taiz)
  19. (Lahij)
  20. (Abyan)
  21. (Aden)
  22. (Socotra)

ข้อมูลประชากร

เยเมนมีประชากร 33 ล้าน คนตามการประมาณการในปี ค.ศ. 2021 โดยร้อยละ 46 ของประชากรมีอายุต่ำกว่า 15 ปี และร้อยละ 2.7 มีอายุมากกว่า 65 ปี ในปี 1950 ประชากรเยเมนมีเพียง 4.3 ล้านคนเท่านั้น คาดการณ์ว่าประชากรจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 60 ล้านคนภายในปี 2050 เยเมนมีอัตราการเจริญพันธุ์รวม (total fertility rate) ที่สูง ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.45 คนต่อสตรี 1 คน ประชากรเมืองซานา (Sana'a) เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากประมาณ 55,000 คนในปี 1978 เป็นเกือบ 1 ล้านคนในช่วงต้นศตวรรษที่ 21

วัฒนธรรม

อาหาร

ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้

เป็นอาหารที่มีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากอาหารที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในตะวันออกกลาง อาหารเยเมนในภูมิภาคที่ที่ต่างกันยังมีความแตกต่างกันเล็กน้อยอาหารเยเมนได้รับอิทธิพลจากอาหารตุรกีสมัยจักรวรรดิออตโตมันมากเนื่องจากการถูกยึดครองโดยจักรวรรดิออตโตมัน

วันหยุด

  • 22 พฤษภาคม วันรวมใจ
  • Eid Al Fitr สิ้นสุดเดือนรอมฎอนวันที่แตกต่างกันไปตามวัฏจักรของจันทรคติ
  • Eid al-Adha Feast of Sacrifice วันที่แตกต่างกันไปตามวัฏจักรของจันทรคติ

วันปีใหม่อิสลามแตกต่างกันไปตามปฏิทินจันทรคติ

  • 26 กันยายน วันปฏิวัติ
  • 14 ตุลาคม วันปลดปล่อย
  • 30 พฤศจิกายน วันประกาศอิสรภาพ

อ้างอิง

  1. เรียกตามกระทรวงการต่างประเทศ "แถลงการณ์ประเทศไทยกรณีการจัดตั้งสภาประธานาธิบดีในเยเมน". กระทรวงการต่างประเทศ. 27 เมษายน 2022. สืบค้นเมื่อ 6 กรกฎาคม 2024.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  2. "Yemen's Constitution of 1991 with Amendments through 2015" (PDF). Constitute Project. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 15 เมษายน 2021. สืบค้นเมื่อ 31 สิงหาคม 2020.
  3. "Yemen – Flora, Fauna, Ecosystems". www.britannica.com (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2024. สืบค้นเมื่อ 8 กันยายน 2023.
  4. "Yemen". Central Intelligence Agency. CIA World Factbook. 6 ธันวาคม 2013. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 พฤษภาคม 2021. สืบค้นเมื่อ 24 มกราคม 2021.
  5. "IAEA's support to animal health services in Yemen". IAEA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 เมษายน 2021. สืบค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2021.
  6. "Yemen population". Yemen population 2023 Estimate based on UN World Bank. world population review. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 มกราคม 2024. สืบค้นเมื่อ 20 เมษายน 2023.
  7. "World Economic Outlook Database, October 2023 Edition. (Yemen)". IMF.org. International Monetary Fund. 10 ตุลาคม 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 ตุลาคม 2023. สืบค้นเมื่อ 16 ตุลาคม 2023.
  8. "GINI index (World Bank estimate)". World Bank. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 ธันวาคม 2020. สืบค้นเมื่อ 15 ตุลาคม 2017.
  9. "Human Development Report 2023/24". United Nations Development Programme. 13 มีนาคม 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 มีนาคม 2024. สืบค้นเมื่อ 22 มีนาคม 2023.
  10. "Yemen". International News Safety Institute. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 พฤษภาคม 2010. สืบค้นเมื่อ 14 ตุลาคม 2009.
  11. "Yemen | History, Map, Flag, Population, Capital, & Facts | Britannica". www.britannica.com (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 พฤษภาคม 2021. สืบค้นเมื่อ 16 เมษายน 2023.
  12. "Yemen", The World Factbook (ภาษาอังกฤษ), Central Intelligence Agency, 22 มีนาคม 2024, เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 พฤษภาคม 2021, สืบค้นเมื่อ 3 เมษายน 2024
  13. McLaughlin, Daniel (1 กุมภาพันธ์ 2008). Yemen. Bradt Travel Guides. p. 3. ISBN 978-1-84162-212-5. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 กรกฎาคม 2020. สืบค้นเมื่อ 11 มีนาคม 2017.
  14. "Yemen Population (2023) - Worldometer". www.worldometers.info (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 พฤษภาคม 2023. สืบค้นเมื่อ 12 พฤศจิกายน 2023.
  15. Burrowes, Robert D. (2010). Historical Dictionary of Yemen. Rowman & Littlefield. p. 319. ISBN 978-0-8108-5528-1.
  16. St. John Simpson (2002). Queen of Sheba: treasures from ancient Yemen. British Museum Press. p. 8. ISBN 0-7141-1151-1.
  17. Kenneth Anderson Kitchen (2003). On the Reliability of the Old Testament. Wm. B. Eerdmans Publishing. p. 116. ISBN 0-8028-4960-1.
  18. Yaakov Kleiman (2004). DNA & Tradition: The Genetic Link to the Ancient Hebrews. Devora Publishing. p. 70. ISBN 1-930143-89-3.
  19. Marta Colburn (2002). The Republic of Yemen: Development Challenges in the 21st Century. CIIR. p. 13. ISBN 1-85287-249-7.
  20. Karl R. DeRouen; Uk Heo (2007). Civil Wars of the World: Major Conflicts Since World War II, Volume 1. ABC-CLIO. p. 810. ISBN 978-1-85109-919-1.
  21. Laura Etheredge (2011). Saudi Arabia and Yemen. The Rosen Publishing Group. p. 137. ISBN 978-1-61530-335-9.
  22. Burrowes, Robert. "Why Most Yemenis Should Despise Ex-president Ali Abdullah Saleh". Yemen Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 มิถุนายน 2017. สืบค้นเมื่อ 20 สิงหาคม 2015.
  23. James L. Gelvin (2012). The Arab Uprisings: What Everyone Needs to Know. Oxford University Press. p. 68. ISBN 978-0-19-989177-1.
  24. Mareike Transfeld (2014). "Capturing Sanaa: Why the Houthis Were Successful in Yemen". Muftah. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 ตุลาคม 2014. สืบค้นเมื่อ 17 ตุลาคม 2014.
  25. Steven A. Zyck (2014). "Mediating Transition in Yemen: Achievements and Lessons" (PDF). International Peace Institute. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 14 เมษายน 2018. สืบค้นเมื่อ 17 ตุลาคม 2014.
  26. Silvana Toska (26 กันยายน 2014). "Shifting balances of power in Yemen's crisis". The Washington Post. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 ตุลาคม 2014. สืบค้นเมื่อ 24 ตุลาคม 2014.
  27. "Houthi leader vows to defend 'glorious revolution'". Al Jazeera. 8 กุมภาพันธ์ 2015. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2015. สืบค้นเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2015.
  28. Aboueldahab, Noha. "Yemen's fate was sealed six years ago". www.aljazeera.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 สิงหาคม 2020. สืบค้นเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2017.
  29. (5 มิถุนายน 2015). "Saudi-led naval blockade leaves 20 m Yemenis facing humanitarian disaster". The Guardian. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 มิถุนายน 2015. สืบค้นเมื่อ 31 ตุลาคม 2015.
  30. "LDCs at a Glance | Department of Economic and Social Affairs". Economic Analysis & Policy Division | Dept of Economic & Social Affairs | United Nations. 25 พฤษภาคม 2008. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 มีนาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 29 กรกฎาคม 2020.
  31. "Least Developed Countries (LDCs) | Department of Economic and Social Affairs". Economic Analysis & Policy Division | Dept of Economic & Social Affairs | United Nations. 23 กันยายน 2010. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 มิถุนายน 2019. สืบค้นเมื่อ 29 กรกฎาคม 2020.
  32. "Overview". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 เมษายน 2024. สืบค้นเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2023.
  33. "Yemen: 2019 Humanitarian Needs Overview [EN/AR]". ReliefWeb. United Nations Office for the Coordination of Humanitarian Affairs (OCHA). 14 กุมภาพันธ์ 2019. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 มิถุนายน 2019. สืบค้นเมื่อ 17 มิถุนายน 2019.
  34. "Global Data | Fragile States Index". fragilestatesindex.org. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 กรกฎาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 29 กรกฎาคม 2020.
  35. Jawād ʻAlī (1968) [Digitized 17 February 2007]. الـمـفـصـّل في تـاريـخ العـرب قبـل الإسـلام [Detailed history of Arabs before Islam] (ภาษาอาหรับ). Vol. 1. Dār al-ʻIlm li-l-Malāyīn. p. 171.
  36. Neuwirth, Angelika; Sinai, Nicolai; Marx, Michael (2010). The Qur??n in Context: Historical and Literary Investigations Into the Qur??nic Milieu. BRILL. ISBN 9789004176881.
  37. Burrowes (2010), p. 145
  38. Smith, William Robertson. Kinship and Marriage in Early Arabia. p. 193. ISBN 1-117-53193-7. He was worshiped by the Madhij and their allies at Jorash (Asir) in Northern Yemen
  39. Beeston, A.F.L.; Ghul, M.A.; Müller, W.W.; Ryckmans, J. (1982). Sabaic Dictionary. University of Sanaa, YAR. p. 168. ISBN 2-8017-0194-7.
  40. Vladimir Sergeyevich Solovyov (2007). Enemies from the East?: V. S. Soloviev on Paganism, Asian Civilizations, and Islam. Northwestern University Press. p. 149. ISBN 978-0-8101-2417-2.
  41. Edward Balfour (1873). Cyclopædia of India and of Eastern and Southern Asia, Commercial, Industrial and Scientific: Products of the Mineral, Vegetable and Animal Kingdoms, Useful Arts and Manufactures, Band 5. Printed at the Scottish & Adelphi presses. p. 240.
  42. Bell, Richard (20 ตุลาคม 1926). "Origin Of Islam In Its Christian Environment" – โดยทาง Internet Archive.
  43. Nöldeke, Theodor (1879). T. Nöldeke, Geschichte der Perser und Araber zur Zeit der en aus der arabischen Chronik des Tabari: Übersetzt und mit ausführlichen Erläuterungen und ergänzungen Versehn. Leiden: . pp. 222.
  44. McLaughlin (2008), p. 4
  45. Kenneth Anderson Kitchen (2003). On the Reliability of the Old Testament. Wm. B. Eerdmans Publishing. p. 594. ISBN 0-8028-4960-1.
  46. อัลกุรอาน 27:6-93
  47. อัลกุรอาน 34:15-18
  48. Geoffrey W. Bromiley (1979). The International Standard Bible Encyclopedia. Vol. 4. Wm. B. Eerdmans. p. 254. ISBN 0-8028-3784-0.
  49. Nicholas Clapp (2002). Sheba: Through the Desert in Search of the Legendary Queen. Houghton Mifflin Harcourt. p. 204. ISBN 0-618-21926-9.
  50. P. M. Holt; Peter Malcolm Holt; Ann K. S. Lambton; Bernard Lewis (21 เมษายน 1977). The Cambridge History of Islam. Cambridge University Press. p. 7.
  51. (1995). Ancient Yemen: some general trends of evolution of the Sabaic language and Sabaean culture. Oxford: Oxford University Press. ISBN 0-19-922237-1. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2023. สืบค้นเมื่อ 21 พฤษภาคม 2017.
  52. McLaughlin (2008), p. 5
  53. Jerry R. Rogers; Glenn Owen Brown; Jürgen Garbrecht (1 มกราคม 2004). Water Resources and Environmental History. ASCE Publications. p. 36. ISBN 0-7844-7550-4.
  54. ; , บ.ก. (2001). Dedan. Archaeological Encyclopedia of the Holy Land. New York and London: Continuum. p. 137. ISBN 0-8264-1316-1. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 กันยายน 2023. สืบค้นเมื่อ 26 กรกฎาคม 2021. (Snippet view).
  55. Lionel Casson (2012). The Periplus Maris Erythraei: Text with Introduction, Translation, and Commentary. Princeton University Press. p. 150. ISBN 978-1-4008-4320-6.
  56. Peter Richardson (1999). Herod: King of the Jews and Friend of the Romans. Continuum. p. 230. ISBN 0-567-08675-5.
  57. Hârun Yahya (1999). Perished Nations. Global Yayincilik. p. 115. ISBN 1-897940-87-4.
  58. Jan Retso (2013). The Arabs in Antiquity: Their History from the Assyrians to the Umayyads. Routledge. p. 402. ISBN 978-1-136-87282-2.
  59. Clifford Edmund Bosworth (1989). The Encyclopedia of Islam. Vol. 6. Brill Archive. p. 561. ISBN 9004090827.
  60. G. Johannes Botterweck; Helmer Ringgren (1979). Theological Dictionary of the Old Testament. Vol. 3. Wm. B. Eerdmans Publishing. p. 448. ISBN 0-8028-2327-0.
  61. Jawād ʻAlī (1968) [Digitized 17 February 2007]. الـمـفـصـّل في تـاريـخ العـرب قبـل الإسـلام [Detailed history of Arabs before Islam] (ภาษาอาหรับ). Vol. 2. Dār al-ʻIlm lil-Malāyīn. p. 482.
  62. Albert Jamme (1962). Inscriptions From Mahram Bilqis (Marib). Baltimore. p. 392.
  63. Dieter Vogel; Susan James (1990). Yemen. APA Publications. p. 34.
  64. Klaus Schippmann (2001). Ancient South Arabia: from the Queen of Sheba to the advent of Islam. Markus Wiener Publishers. pp. 52–53. ISBN 1-55876-236-1.
  65. Francis E. Peters (1994). Muhammad and the Origins of Islam. SUNY Press. p. 48. ISBN 0-7914-1875-8.
  66. Scott Johnson (1 พฤศจิกายน 2012). The Oxford Handbook of Late Antiquity. Oxford University Press. p. 265. ISBN 978-0-19-533693-1.
  67. Y. M. Abdallah (1987). "The Inscription CIH 543: A New Reading Based on the Newly-Found Original". ใน C. Robin & M. Bafaqih (บ.ก.). Sayhadica: Recherches Sur Les Inscriptions De l'Arabie Préislamiques Offertes Par Ses Collègues Au Professeur A.F.L. Beeston. Paris: Librairie Orientaliste Paul Geuthner S.A. pp. 4–5.
  68. Raphael Patai; Jennifer Patai (1989). The Myth of the Jewish Race. Wayne State University Press. p. 63. ISBN 0-8143-1948-3.
  69. Uwidah Metaireek Al-Juhany (2002). Najd before the Salafi reform movement: social, political and religious conditions during the three centuries preceding the rise of the Saudi state. Ithaca Press. p. 171. ISBN 0-86372-401-9.
  70. Scott Johnson (1 พฤศจิกายน 2012). The Oxford Handbook of Late Antiquity. Oxford University Press. p. 266. ISBN 978-0-19-533693-1.
  71. Scott Johnson (1 พฤศจิกายน 2012). The Oxford Handbook of Late Antiquity. Oxford University Press. p. 282. ISBN 978-0-19-533693-1.
  72. Irfan Shahîd (1989). Byzantium and the Arabs in the 5th Century. Dumbarton Oaks. p. 65. ISBN 0-88402-152-1.
  73. Scott Johnson (1 พฤศจิกายน 2012). The Oxford Handbook of Late Antiquity. Oxford University Press. p. 293. ISBN 978-0-19-533693-1.
  74. Scott Johnson (1 พฤศจิกายน 2012). The Oxford Handbook of Late Antiquity. Oxford University Press. p. 285. ISBN 978-0-19-533693-1.
  75. กระทรวงสาธารณสุขและประชากร ประเทศเยเมน
  76. "Law establishing province of Socotra Archipelago issued". Presidenthadi-gov-ye.info. 18 ธันวาคม 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2014. สืบค้นเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2014.
  77. "Yemen to Become Six-Region Federation". . 10 กุมภาพันธ์ 2014. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 พฤษภาคม 2018. สืบค้นเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2014.
  78. Al-Haj, Ahmed (3 มกราคม 2015). "Yemen's Shiite rebels reject plan for federal system". The Washington Post. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 ธันวาคม 2021. สืบค้นเมื่อ 21 มีนาคม 2015.
  79. "Yemeni government quits in protest at Houthi rebellion". The Guardian. 22 มกราคม 2015. สืบค้นเมื่อ 21 มีนาคม 2015.
  80. Greenfield, Danya (22 มกราคม 2015). "Yemen crisis: A coup in all but name". BBC News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 มกราคม 2023. สืบค้นเมื่อ 21 มีนาคม 2015.
  81. "The General Census of Population 2004". Sabanews. 29 ธันวาคม 2004 [Updated 13 December 2013]. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 ธันวาคม 2013. สืบค้นเมื่อ 13 ธันวาคม 2013.
  82. "The population explosion on Europe's doorstep". Times (London). London. 18 พฤษภาคม 2008. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 มิถุนายน 2011. สืบค้นเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2013.
  • ประเทศเยเมน เก็บถาวร 2011-05-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน จากเว็บไซต์กระทรวงต่างประเทศ

หมายเหตุ

  1. พื้นที่เยเมนรวมถึงพื้นที่ที่ซาอุดิอาระเบียยกให้คือ 555,000 ตารางกิโลเมตร อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกำแพงกั้นระหว่างซาอุดีอาระเบีย-เยเมน เยเมนจึงมักถูกพิจารณาว่ายังคงมีพื้นที่ 530,000 ตารางกิโลเมตร

แหล่งข้อมูลอื่น

Yemen ที่โครงการพี่น้องของวิกิพีเดีย
  • imageหาความหมายจากวิกิพจนานุกรม
  • imageภาพและสื่อจากคอมมอนส์
  • imageเนื้อหาข่าวจากวิกิข่าว
  • imageคำคมจากวิกิคำคม
  • imageข้อมูลต้นฉบับจากวิกิซอร์ซ
  • imageหนังสือจากวิกิตำรา
รัฐบาล
  • (อาหรับ) Yemen Government official portal (At the Wayback Machine, March 2009)
  • Yemen entry at The World Factbook
  • ประเทศเยเมน แหล่งข้อมูลบนเครือข่ายเว็บจัดทำโดย GovPubs ที่หอสมุดมหาวิทยาลัยโคโลราโด โบลเดอร์
  • ประเทศเยเมน ที่เว็บไซต์ Curlie
  • Yemen profile from the BBC News
  • image Wikimedia Atlas of Yemen
การศึกษา
การท่องเที่ยว
  • image คู่มือการท่องเที่ยว ประเทศเยเมน จากวิกิท่องเที่ยว (ในภาษาอังกฤษ)

ผู้เขียน: www.NiNa.Az

วันที่เผยแพร่: 25 พฤษภาคม, 2025 / 13:00

wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์

bthkhwamnicaepntxngprbprungihepnpccubnoprdprbprungbthkhwamihepniptamehtukarnpccubnhruxlasudbthkhwamniyngtxngkarephimaehlngxangxingephuxphisucnkhwamthuktxngkhunsamarthphthnabthkhwamniidodyephimaehlngxangxingtamsmkhwr enuxhathikhadaehlngxangxingxacthuklbxxk haaehlngkhxmul praethseyemn khaw hnngsuxphimph hnngsux skxlar JSTOR eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir eyemn xngkvs Yemen xahrb ٱل ي م ن hrux satharnrtheyemn xngkvs Republic of Yemen xahrb ٱل ج م ه ور ي ة ٱل ي م ن ي ة epnrthexkrach tngxyuinekhtexechiytawntkechiyngit sungxyuthangtxnitkhxng khabsmuthrxahrb michayaednthangehnuxtidkb saxudixaraebiy thangdantawnxxkechiyngehnuxtidkboxman thangittidkb mhasmuthrxinediy aebngpnkbpraethsexriethriy praethscibuti aela praethsosmaeliy kham cangxyaexfrika khrxbkhlumphunthipraman 528 000 tarangkiolemtr 204 000 tarangiml miaenwchayfngpraman 2 000 kiolemtr 1 200 iml eyemnepnpraethsthiihyepnxndbsxngbnkhabsmuthrxahrbsana epnemuxnghlwngtamrththrrmnuyaelaemuxngthiihythisud prachakreyemnodypramanxyuthi 34 7 lankhn swnihyepnchawxahrb muslim epnsmachikkhxngsnnibatxahrb shprachachati khbwnkarimfkiffayid aelaxngkhkarkhwamrwmmuxxislamsatharnrtheyemn ٱل ج م ه ور ي ة ٱل ي م ن ي ة xahrb thngchati traaephndinkhakhwy ٱلل ه ٱل و ط ن ٱلث و ر ة ٱل و ح د ة xahrb Allah al Waṭan ath Thawrah al Waḥdah phraepneca praeths karptiwti khwamsamkhkhi ephlngchati shsatharnrth xahrb الجمهورية المتحدة xksrormn al Jumhuriyah al Muttaḥidah source source track track track track track track Location in the Eastern HemisphereYemen and its neighborssthanasngkhramklangemuxng idrbkaryxmrbcak shprachachatiemuxnghlwng aelaemuxngihysudsana 15 20 54 N 44 12 23 E 15 34833 N 44 20639 E 15 34833 44 20639emuxnghlwngphldthinexedn karbriharkhxngprathanathibdi phasahlk aelaphasakhxngchatiphasaxahrbklumchatiphnthu 2000 92 8 xahrb3 7 osmali3 7 sasna 2020 duephimetim 99 1 thangkar 65 sunni 35 chixah 0 9 edmanimkarpkkhrxngrthediyw ody satharnrth aebbchwkhraw otaeyng otaeyng sphanitibyytirthspha sphasung sphalang sthapnarachxanackrmutawkhkhiilteyemna30 tulakhm kh s 1918 satharnrthxahrbeyemn26 knyayn kh s 1962 idrbexkrachb30 phvscikayn kh s 1967 22 phvsphakhm kh s 1990 16 phvsphakhm kh s 1991 sngkhramklangemuxngeyemn16 knyayn kh s 2014phunthi rwm555 000 tarangkiolemtr 214 000 tarangiml xndbthi 49 aehlngna nxymakprachakr kh s 2023 praman34 449 825 xndbthi 48 khwamhnaaenn65 0 txtarangkiolemtr 168 3 txtarangiml xndbthi 152 cidiphi xanacsux kh s 2023 praman rwm69 963 phnlandxllarshrth xndbthi 109 txhw2 053 dxllarshrth cidiphi rakhatlad kh s 2023 praman rwm21 045 phnlandxllarshrth xndbthi 123 txhw617 dxllarshrth cini kh s 2014 36 7 panklangexchdiix kh s 2022 0 424 ta xndbthi 186skulengin YER ekhtewlaUTC 3 AST khbrthdankhwamuxrhsothrsphthrhs ISO 3166odemnbnsud ye cakckrwrrdixxtotmncak shrachxanackr dwythaelthitngthangphumisastr eyemnepncudsunyklangkhwamecriyrungeruxngkhxngxarythrrmtang manankwa 7 000 pi idkxtngxanackrkarkhathirungeruxng khrxbkhlumphunthibangswnkhxngexthioxepiy aelaexriethriysmyihmdwy hlngcaknn inpi kh s 275 xanackrhimyr idekhamaaethnthi khrxbkhrxngphunthiswnihykhxngeyemninpccubn aelaidrbxiththiphlxyangmakcaksasnayudaysasnakhristekhamaephyaephrineyemnrawstwrrsthi 4 txmainstwrrsthi 7 sasnaxislamidaephrhlayxyangrwderw kxngthhareyemnmibthbathsakhyinchwngaerkkhxngkarphichitdinaednephuxkhyayxanackrxislam rachwngstang ekidkhunrahwangstwrrsthi 9 thung 16 inchwngstwrrsthi 19 praethsthukaebngrahwangckrwrrdixxtotmnaelaxngkvs hlngsngkhramolkkhrngthi 1 rachxanackrmutawkhkhiilteyemnidthuksthapnakhun sunginpi kh s 1962 idklayepnsatharnrthxahrbeyemn eyemnehnux phayhlngkarrthprahar inpi kh s 1967 britichklayepn eyemnit sungepnrthsngkhmniymxyangepnthangkaraehngaerkaelaaehngediywinolkxahrb inpi kh s 1990 rththngsxngkhxngeyemnidrwmtwknephuxkxtngsatharnrtheyemnsmyihm xl cumhuriyah xl yamaniyah odymi darngtaaehnngprathanathibdikhnaerkcnkrathngekhalaxxkinpi kh s 2012 hlngkraaesxahrbspring tngaetpi 2011 eyemnephchiywikvtthangkaremuxng rthbalephchiykarprathwngbnthxngthnncakprachachn enuxngcakpyhakhwamyakcn wangngan karthucrit aelaaephnkaraekikhrththrrmnuyephuxykelikkarcakdwarakardarngtaaehnngprathanathibdikhxngsaelh sthankarnelwraylngcnthungpi 2015 praethsekhasusngkhramklangemuxng mihlayfaythitxngkarchwngchingxanacpkkhrxng faytangehlani idaek khnarthbalthiidrbkarrbrxngcakprachakhmolk naody Presidential Leadership Council khnakrrmkarkaremuxngsungsudkhxngklumhusi Houthi movement s Supreme Political Council aela khnakrrmkarbriharfayit Southern Transitional Council sungepnklumaebngaeykdinaednphakhit khwamkhdaeyngthithwikhwamrunaerngaelamikaraethrkaesngcaktangchatihlaypraeths naipsuwikvtdanmnusythrrmthirunaerng eyemnthukcdwaepnhnunginpraethsphthnanxythisudkhxngolk enuxngcakephchiypyhaaelaxupsrrkhxyangtxenuxng sungsngphltxkarphthnaxyangyngyun nxkcakniyngepnhnunginpraethsthimipyhakhwamyakcnrunaerngthisudinaethb tawnxxkklangaelaaexfrikaehnux inpi 2019 xngkhkarshprachachatiraynganwaeyemnmicanwnphukhnthitxngkarkhwamchwyehluxdanmnusythrrmmakthisud sungkhidepnpraman 24 lankhn hruxekuxb 75 khxngprachakrthnghmd eyemntidxndbpraethsepraabangthisudindchnikhwamepraabang Fragile States Index aelaxyuinxndbsxngthielwraythisudindchnikhwamhiwohyolk Global Hunger Index rxngephiyngsatharnrthaexfrikaklangethann nxkcakni eyemnyngmidchnikarphthnamnusy Human Development Index tathisudinbrrdpraethsnxkthwipaexfrikaxikdwysphthmulwithyakhawa ymnt Yamnat prakdkhrngaerkincarukxaraebiyitobran Old South Arabian inscriptions odyichepnbrrdaskdikhxngkstriyxngkhhnunginxanackrhimyrthisxng second Himyarite Kingdom phranamwa chmmar yahrich Shammar Yahri sh khadwakhani nacahmaythungaenwchayfngtawntkechiyngitkhxngkhabsmuthrxahrb Arabian Peninsula aelaaenwchayfngdanit rahwangemuxngexedn Aden kbhadramxut Hadhramaut prawtisastreyemnrwmxanaekhtthiihykwapraethspccubnmak odythxdyawtngaetthangtxnehnuxkhxng Asir thangtawntkechiyngitkhxngsaxudixaraebiyipcnthung Dhofar thangtxnitkhxngoxman sphthmulwithyakhahnungmacakeyemncakkhawa ymnt sungaeplwa thangit khxngkhabsmuthrxahrb xyangaethcring aelamibthbathsakhyekiywkbaenwkhideruxngdinaednthangkhwa 𐩺𐩣𐩬 aehlngkhxmulxun xangwaeyemnekiywkhxngkbkhawa yamn hrux yumn sunghmaythung khwamsukh enuxngcakphunthiswnihykhxngpraethsmikhwamxudmsmburn trngknkhamkbdinaednaehngaelnginphunthiswnihykhxngxaraebiy chawormneriykmnwa xaraebiy efliks mikhwamsukh hrux ochkhdi xaraebiy trngkhamkb xaraebiy edesirta xaraebiyrang nkekhiynphasalatinaelakrikeriykeyemnobranwa xinediy sungekidkhuncakchawepxresiythieriykeyemnobranwa chawxabissieniynthiphwkekhamatidtxdwyinxaraebiyitodyichchuxkhnphiwdathixasyxyukhang prawtisastrswnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniid eyemndarngxyutrngthangaeykthangxarythrrmmaepnewlakwa 7 000 piaelw praethsniepnthitngkhxngbukhkhlsakhy echn phrarachiniaehngechba sungnakhxngkhwymathwaykstriysaolmxn epnewlahlaystwrrsmaaelwthiaehngniepnphuphlitkaaefhlkthisngxxkipyngthaeruxomkha nbtngaetepliynmanbthuxsasnaxislaminstwrrsthi 7 eyemnkklayepnsunyklangkhxngkareriynruxislam aelasthaptykrrmswnihyyngkhngxyumacnthungyukhpccubn prawtisastrsmyobran sakprkhkphngkhxngekhuxnihyaehngmarib eyemn miesnthangedineruxthangthaelthiyawnan echuxmrahwangxarythrrmtawnxxkaelatawntk thaiheyemnepncudsunyklangthangwthnthrrmmayawnan odymithitngthangyuththsastrsakhysahrbkarkhakhay briewnchayfngtawntkkhxngkhabsmuthrxahrb tngaetyukhaerk raw 5 000 pi kxnkhristskrach bnethuxkekhathangphakhehnuxkhxngeyemn kpraktchumchnkhnadihysungthuxwaepnemuxngihyinyukhnnaelw xanackrsabaxnekidkhunxyangnxyinchwngstwrrsthi 12 kxnkhristskrach xanackrhlksiaehnghruxsmaphnthchnephainxaraebiytxnit idaek saba hdraemat kxtabn aelamaxin saba xahrb س ـب ـأ khidwaepnchibatamphrakhmphiraelaepnshphnththioddednthisud phupkkhrxngchawsabaichchux mukharrib sungodythwipkhidwahmaythung karrwmepnhnungediyw hrux phraphiksukstriy hruxhwhnasmaphnthxanackrxaraebiyit kstriyaehngkstriy bthbathkhxngmukharribkhuxkarnachnephatang maxyuitxanackraelaepnnayehnuxphwkekhathnghmd chawsabasrangekhuxnihyaehngmaribpraman 940 pikxnkhristkal ekhuxnthuksrangkhunephuxpxngknnathwmchbphlntamvdukalthiihllngmatamhubekha emuxthungstwrrsthi 3 kxnkhristskrach Qataban Hadhramaut aela Ma in epnxisracak Saba aelatngthinthaninewthieyemn karpkkhrxngaebbmieniynaephkhyayipcnthungeddan bnethuxkekhathangphakhehnuxkhxngeyemn michumchnkhnadihysungthuxepnemuxngihyinyukhnnaelw tngaetraw 5 000 pi kxnkhristskrach odymiemuxng bark Baraqish epnsunyklang hlngcakxanackr khttbn Qataban lmslayinpi 50 kxnkhristskrach chawsaba Sabaeans kklbmayudkhrxng emuxngaemxun Ma in idxikkhrng aelainchwngewlathikxngthphormnykthphekhasu xanackrxahrbfiliks Arabia Felix emux 25 pikxnkhristskrach chawsaebiynkklbmamixanacehnuxsudindinaednxahrbit xikkhrnghnung exlixus kllus Aelius Gallus idrbkhasngihnakalngthharephuxsrangxanacpkkhrxngkhxngormnehnuxchawsaba chawormnmikhwamruthangphumisastrthikhlumekhruxaelakhdaeyngknekiywkbxaraebiyefliks Arabia Felix kxngthphormncanwn 10 000 nayphayaephtxmarib khwamsmphnthiklchidkhxngstraob Strabo kb exlixus kllus Aelius Gallus thaihekhaphyayamhakhxaektwihkbkhwamphayaephkhxngephuxninnganekhiynkhxngekha chawormnichewlahkeduxninkaredinthangipthungmarib Marib aela 60 wnephuxklbipthixiyipt chawormntahniphunanabaethiyn Nabataean aelapraharchiwitekhainkhxhathrys yngimphbkarklawthungodytrngincarukkaredinthangkhxngormnkhxngchawsaba hlngcakkarrukrankhxngormn xacerwkwann praethsktkxyuinkhwamsbsnwunway aelaaebngepnsxngklum idaek hmdan Hamdan aelahimyar Himyar xangsiththiinkarepnkstriy odyrbtaaehnngepnkstriyaehngechba Sheba aeladu erydan Dhu Raydan du erydan Dhu Raydan hruxkkhux chawhimyr epnphnthmitrkb xksum Aksum inexthioxepiyephuxtxtanchawsaba exl charih yahdib El Sharih Yahdhib hwhnaepha bakil Bakil aelaepnthngkstriyaehngxanackrsaba Saba aela duerydan Dhu Raydan idthakarrnrngkhthangthharprasbkhwamsaerctxhimyr aela xanackrhaebch Habashat sungkkhux xanackraexkhsm Aksum nnexng exl charih phumiicinchychnacakkarrb aelaidephimkhawa yahdib Yahdhib sungmikhwamhmaywa phuprabpram txthaychuxkhxngtnexng nxkcakni ekhayngmiwithikarpraharstruthiohdehiymdwykarhnsphepnchin inrchsmykhxngexl charih emuxngsana Sana a erimmikhwamsakhymakkhun enuxngcakekhaidsrang phrarachwngkhumdan Ghumdan Palace epnthiprathb kstriyaehngxanackrhimyr phraecadamarxali yahburthi 2 King Dhamar ali Yahbur II payhlumsphkhxngchawsabaepnrupphuhyingthuxfxnkhawsali sungepnsylksnkhxngkhwamxudmsmburnineyemnobran chawhimyr Himyarite idekhayudemuxngsana Sana a cakhmdan Hamdan praman kh s 100 chnephahchdi Hashdi kbttxphwkekhaaelayudemuxngsana Sana a khunmaidchwng kh s 180 chmmar yahrich Shammar Yahri sh samarthphichit hadramxut Hadhramaut ncran Najran aela tihafng Tihamah idsaercphayinpi kh s 275 naipsukarrwmeyemnepnhnungediywaelaesrimkhwamaekhngaekrngihkbxanackrhimyr Himyarite chawhimyrptiesthlththiphhuethwniym aelaptibtitamrupaebbthiyinyxmkhxnglththiexkethwniymthieriykwaeraahman Rahmanan inpi 354 ckrphrrdiaehngormn khxnsaetnechiysthi 2 idsngsthanthutthinaodythioxfilxs chawxinediy Theophilos the Indian ephuxepliynchawhimyr manbthuxsasnakhrist fiolstxrcixus Philostorgius nkprawtisastrchawkrik bnthukwa michawyiwinphunthitxtankhnathut xyangirktam mikarkhnphbcarukhlaychininphasahibru Hebrew aela phasasaebiyn Sabaean sungykyxngechuxphrawngsphupkkhrxnginaengkhxngsasnayiw odymikhwamwa ihkhwamchwyehluxaelaesrimphlngaekchnchatixisraexl tamkhwamechuxkhxngchawxislam kstriyxsxadphubrisuththi As ad the Perfect ekhyykthphipchwyehluxchawyiwin ysrib Yathrib cakcarukrabuwa xabu kharib xsxad Abu Kariba As ad ekhynakxngthphiprbthiphakhklangkhxngkhabsmuthrxahrb hrux ncd Najd ephuxsnbsnun xanackrkhinda Kingdom of Kinda praethsrachtxtan lkhnmid Lakhmids xyangirktam inrchsmyxnyawnankhxngekha imphbhlkthanxangxingodytrngthungsasnayiwhrux emuxngysrib xabu kharib sinphrachnmemuxpi 445 hlngkhrxngrachyekuxb 50 pi inpi 515 xanackrhimyr ekidkhwamkhdaeyngphayinrunaerngtamaenwesnaebngthangsasna khwamkhdaeyngxnrunaerngrahwangklumtang puthangihxanackraexkhsm Aksumite ekhaaethrkaesng kstriyxngkhsudthaykhxnghimyarit maxdikharib yafwr Ma adikarib Ya fur idrbkarsnbsnuncakxanackraexkhsm txsukbkhuaekhngchawyiw maxdikharib nbthuxsasnakhrist aelaykthphiprbkb lkhnmid Lakhmids thangitkhxngxirk odyidrbkarsnbsnuncakphnthmitrxahrbxun khxng biaesnethiym chnephalkhnmidepnesahlkkhxng ckrwrrdiepxresiy Persia sungimyxmrbsasnathiephyaephrsasnaxyangcringcng echn sasnakhrist hlngcakkaresiychiwitkhxng maxdikharib yafwr Ma adikarib Ya fur rawpi 521 phunachawyiw chawhimyrchux du nuwas Dhu Nuwas khunsuxanac ckrphrrdi cstieniynmharach Justinian I aehngckrwrrdiormntawnxxk Byzantine Empire idsngkhnathutipyngeyemn ckrphrrditxngkarih chawhimyrthinbthuxsasnakhristxyangepnthangkar ichxiththiphlkbchnephaerrxninkhabsmuthrxahrbtxnklang ephuxthakarrbkbepxresiy cstieniynmharach idmxb brrdaskdikstriy aek echkhxahrb Arab sheikhs aehng khindah Kindah aela kssan Ghassan inphumiphakhtxnklangaelaehnuxkhxngkhabsmuthrxahrb tngaetchwngaerk noybaykhxngormnaelaibaesnithn khuxkarsrangkhwamsmphnthxnaennaefnkbxanackrtang bnchayfngthaelaedng phwkekhaprasbkhwamsaercinkarephyaephr sasnakhrist aekxanackraexkhsm aelasngphltxwthnthrrmkhxngxanackr sahrbeyemnaelw phllphthkhxnkhangnaphidhwng yasid bin khbcht Yazid bin Kabshat ecachayaehngkhindah Kendite prince kxkbttx xbraha Abraha aelaphnthmitrchawkhristxahrb sngkhramsngblnghlngcakekhuxnmarib Great Dam of Marib idphngthlay xbraha esiychiwitrawpi 570 ckrwrrdisaeseniyn ekhayudkhrxngexedn Aden rawpi 570 phayitkarpkkhrxngkhxngphwkekha dinaednswnihykhxngeyemn ykewnexednaelasana tangkidrbxisraphaphkhxnkhangmak yukhnithuxepnyukhthixarythrrmxahrbitobranlmslay enuxngcakpraethsswnihythukpkkhrxngodychnephaxisrahlayklum cnkrathngsasnaxislamekhamainpi 630 yukhklang swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidkaraebngekhtkarpkkhrxngaephnthikhxngphumiphakhshphnthrtheyemn eyemnaebngxxkepnekhtphuwakar 20 ekht muhafaesaah lasudkhuxekhtphuwakarerymah sungkxtngkhunemuxpi kh s 2004 aelaekhtethsbalxik 1 aehngchux xamanahtulxasimah Amanat Al Asemah rwmekhakbemuxnghlwngtamrththrrmnuy sana inphayhlng ekhtwakarosokhtra Soqatra thukcdtngkhunephimetimineduxnthnwakhm 2013 khrxbkhlumphunthikhxngekaaosokhtra sungedimepnswnhnungkhxngekhtwakarhderaaemat Hadhramaut ekhtwakartang thukaebngyxylngipxik 333 xaephx eriykwa muedriyxah sungaebngyxyxxkepn 2 210 tabl caknncungaebngxxkepn 38 284 hmuban n pi kh s 2001 inpi 2014 khnakrrmkarrththrrmnuyidtdsinicaebngpraethsxxkepnhkphumiphakh siaehngthangtxnehnux sxngaehngthangthisit aelaemuxnghlwngsananxkphumiphakhid ephuxsrangrupaebbkarpkkhrxngaebbshphnthrth khxesnxkhxngrthbalklangniepnpccyexuxtxkarrthprahartxtanrthbalkhxngklumhutiinewlatxma aephnthiekhtkarpkkhrxngkhxngpraethseyemn Saada Al Jawf Hadhramaut Al Mahrah Hajjah Amran Al Mahwit xamanahtulxasimah emuxngsana Amanat Al Asimah Sana a City sana Sana a Ma rib Al Hudaydah Raymah Dhamar Ibb Dhale Al Bayda chbwah Shabwah Taiz Lahij Abyan Aden Socotra khxmulprachakreyemnmiprachakr 33 lan khntamkarpramankarinpi kh s 2021 odyrxyla 46 khxngprachakrmixayutakwa 15 pi aelarxyla 2 7 mixayumakkwa 65 pi inpi 1950 prachakreyemnmiephiyng 4 3 lankhnethann khadkarnwaprachakrcaephimkhunepnpraman 60 lankhnphayinpi 2050 eyemnmixtrakarecriyphnthurwm total fertility rate thisung khaechliyxyuthi 4 45 khntxstri 1 khn prachakremuxngsana Sana a ephimkhunxyangrwderw cakpraman 55 000 khninpi 1978 epnekuxb 1 lankhninchwngtnstwrrsthi 21wthnthrrmxahar swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniid epnxaharthimikhwamaetktangxyangsinechingcakxaharthiruckknxyangaephrhlayintawnxxkklang xahareyemninphumiphakhthithitangknyngmikhwamaetktangknelknxyxahareyemnidrbxiththiphlcakxaharturkismyckrwrrdixxtotmnmakenuxngcakkarthukyudkhrxngodyckrwrrdixxtotmnwnhyud 22 phvsphakhm wnrwmic Eid Al Fitr sinsudeduxnrxmdxnwnthiaetktangkniptamwtckrkhxngcnthrkhti Eid al Adha Feast of Sacrifice wnthiaetktangkniptamwtckrkhxngcnthrkhti wnpiihmxislamaetktangkniptamptithincnthrkhti 26 knyayn wnptiwti 14 tulakhm wnpldplxy 30 phvscikayn wnprakasxisrphaphxangxingeriyktamkrathrwngkartangpraeths aethlngkarnpraethsithykrnikarcdtngsphaprathanathibdiineyemn krathrwngkartangpraeths 27 emsayn 2022 subkhnemux 6 krkdakhm 2024 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a CS1 maint url status lingk Yemen s Constitution of 1991 with Amendments through 2015 PDF Constitute Project ekb PDF cakaehlngedimemux 15 emsayn 2021 subkhnemux 31 singhakhm 2020 Yemen Flora Fauna Ecosystems www britannica com phasaxngkvs ekbcakaehlngedimemux 5 kumphaphnth 2024 subkhnemux 8 knyayn 2023 Yemen Central Intelligence Agency CIA World Factbook 6 thnwakhm 2013 ekbcakaehlngedimemux 8 phvsphakhm 2021 subkhnemux 24 mkrakhm 2021 IAEA s support to animal health services in Yemen IAEA khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 15 emsayn 2021 subkhnemux 13 minakhm 2021 Yemen population Yemen population 2023 Estimate based on UN World Bank world population review ekbcakaehlngedimemux 4 mkrakhm 2024 subkhnemux 20 emsayn 2023 World Economic Outlook Database October 2023 Edition Yemen IMF org International Monetary Fund 10 tulakhm 2023 ekbcakaehlngedimemux 22 tulakhm 2023 subkhnemux 16 tulakhm 2023 GINI index World Bank estimate World Bank ekbcakaehlngedimemux 16 thnwakhm 2020 subkhnemux 15 tulakhm 2017 Human Development Report 2023 24 United Nations Development Programme 13 minakhm 2024 ekbcakaehlngedimemux 19 minakhm 2024 subkhnemux 22 minakhm 2023 Yemen International News Safety Institute khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 5 phvsphakhm 2010 subkhnemux 14 tulakhm 2009 Yemen History Map Flag Population Capital amp Facts Britannica www britannica com phasaxngkvs ekbcakaehlngedimemux 10 phvsphakhm 2021 subkhnemux 16 emsayn 2023 Yemen The World Factbook phasaxngkvs Central Intelligence Agency 22 minakhm 2024 ekbcakaehlngedimemux 8 phvsphakhm 2021 subkhnemux 3 emsayn 2024 McLaughlin Daniel 1 kumphaphnth 2008 Yemen Bradt Travel Guides p 3 ISBN 978 1 84162 212 5 ekbcakaehlngedimemux 2 krkdakhm 2020 subkhnemux 11 minakhm 2017 Yemen Population 2023 Worldometer www worldometers info phasaxngkvs ekbcakaehlngedimemux 11 phvsphakhm 2023 subkhnemux 12 phvscikayn 2023 Burrowes Robert D 2010 Historical Dictionary of Yemen Rowman amp Littlefield p 319 ISBN 978 0 8108 5528 1 St John Simpson 2002 Queen of Sheba treasures from ancient Yemen British Museum Press p 8 ISBN 0 7141 1151 1 Kenneth Anderson Kitchen 2003 On the Reliability of the Old Testament Wm B Eerdmans Publishing p 116 ISBN 0 8028 4960 1 Yaakov Kleiman 2004 DNA amp Tradition The Genetic Link to the Ancient Hebrews Devora Publishing p 70 ISBN 1 930143 89 3 Marta Colburn 2002 The Republic of Yemen Development Challenges in the 21st Century CIIR p 13 ISBN 1 85287 249 7 Karl R DeRouen Uk Heo 2007 Civil Wars of the World Major Conflicts Since World War II Volume 1 ABC CLIO p 810 ISBN 978 1 85109 919 1 Laura Etheredge 2011 Saudi Arabia and Yemen The Rosen Publishing Group p 137 ISBN 978 1 61530 335 9 Burrowes Robert Why Most Yemenis Should Despise Ex president Ali Abdullah Saleh Yemen Times khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 16 mithunayn 2017 subkhnemux 20 singhakhm 2015 James L Gelvin 2012 The Arab Uprisings What Everyone Needs to Know Oxford University Press p 68 ISBN 978 0 19 989177 1 Mareike Transfeld 2014 Capturing Sanaa Why the Houthis Were Successful in Yemen Muftah khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 21 tulakhm 2014 subkhnemux 17 tulakhm 2014 Steven A Zyck 2014 Mediating Transition in Yemen Achievements and Lessons PDF International Peace Institute ekb PDF cakaehlngedimemux 14 emsayn 2018 subkhnemux 17 tulakhm 2014 Silvana Toska 26 knyayn 2014 Shifting balances of power in Yemen s crisis The Washington Post ekbcakaehlngedimemux 6 tulakhm 2014 subkhnemux 24 tulakhm 2014 Houthi leader vows to defend glorious revolution Al Jazeera 8 kumphaphnth 2015 ekbcakaehlngedimemux 8 kumphaphnth 2015 subkhnemux 7 kumphaphnth 2015 Aboueldahab Noha Yemen s fate was sealed six years ago www aljazeera com ekbcakaehlngedimemux 31 singhakhm 2020 subkhnemux 24 phvscikayn 2017 5 mithunayn 2015 Saudi led naval blockade leaves 20 m Yemenis facing humanitarian disaster The Guardian ekbcakaehlngedimemux 5 mithunayn 2015 subkhnemux 31 tulakhm 2015 LDCs at a Glance Department of Economic and Social Affairs Economic Analysis amp Policy Division Dept of Economic amp Social Affairs United Nations 25 phvsphakhm 2008 ekbcakaehlngedimemux 29 minakhm 2022 subkhnemux 29 krkdakhm 2020 Least Developed Countries LDCs Department of Economic and Social Affairs Economic Analysis amp Policy Division Dept of Economic amp Social Affairs United Nations 23 knyayn 2010 ekbcakaehlngedimemux 20 mithunayn 2019 subkhnemux 29 krkdakhm 2020 Overview ekbcakaehlngedimemux 26 emsayn 2024 subkhnemux 2 kumphaphnth 2023 Yemen 2019 Humanitarian Needs Overview EN AR ReliefWeb United Nations Office for the Coordination of Humanitarian Affairs OCHA 14 kumphaphnth 2019 ekbcakaehlngedimemux 17 mithunayn 2019 subkhnemux 17 mithunayn 2019 Global Data Fragile States Index fragilestatesindex org ekbcakaehlngedimemux 15 krkdakhm 2019 subkhnemux 29 krkdakhm 2020 Jawad ʻAli 1968 Digitized 17 February 2007 الـمـفـصـ ل في تـاريـخ العـرب قبـل الإسـلام Detailed history of Arabs before Islam phasaxahrb Vol 1 Dar al ʻIlm li l Malayin p 171 Neuwirth Angelika Sinai Nicolai Marx Michael 2010 The Qur n in Context Historical and Literary Investigations Into the Qur nic Milieu BRILL ISBN 9789004176881 Burrowes 2010 p 145 Smith William Robertson Kinship and Marriage in Early Arabia p 193 ISBN 1 117 53193 7 He was worshiped by the Madhij and their allies at Jorash Asir in Northern Yemen Beeston A F L Ghul M A Muller W W Ryckmans J 1982 Sabaic Dictionary University of Sanaa YAR p 168 ISBN 2 8017 0194 7 Vladimir Sergeyevich Solovyov 2007 Enemies from the East V S Soloviev on Paganism Asian Civilizations and Islam Northwestern University Press p 149 ISBN 978 0 8101 2417 2 Edward Balfour 1873 Cyclopaedia of India and of Eastern and Southern Asia Commercial Industrial and Scientific Products of the Mineral Vegetable and Animal Kingdoms Useful Arts and Manufactures Band 5 Printed at the Scottish amp Adelphi presses p 240 Bell Richard 20 tulakhm 1926 Origin Of Islam In Its Christian Environment odythang Internet Archive Noldeke Theodor 1879 T Noldeke Geschichte der Perser und Araber zur Zeit der en aus der arabischen Chronik des Tabari Ubersetzt und mit ausfuhrlichen Erlauterungen und erganzungen Versehn Leiden pp 222 McLaughlin 2008 p 4 Kenneth Anderson Kitchen 2003 On the Reliability of the Old Testament Wm B Eerdmans Publishing p 594 ISBN 0 8028 4960 1 xlkurxan 27 6 93 xlkurxan 34 15 18 Geoffrey W Bromiley 1979 The International Standard Bible Encyclopedia Vol 4 Wm B Eerdmans p 254 ISBN 0 8028 3784 0 Nicholas Clapp 2002 Sheba Through the Desert in Search of the Legendary Queen Houghton Mifflin Harcourt p 204 ISBN 0 618 21926 9 P M Holt Peter Malcolm Holt Ann K S Lambton Bernard Lewis 21 emsayn 1977 The Cambridge History of Islam Cambridge University Press p 7 1995 Ancient Yemen some general trends of evolution of the Sabaic language and Sabaean culture Oxford Oxford University Press ISBN 0 19 922237 1 ekbcakaehlngedimemux 29 phvscikayn 2023 subkhnemux 21 phvsphakhm 2017 McLaughlin 2008 p 5 Jerry R Rogers Glenn Owen Brown Jurgen Garbrecht 1 mkrakhm 2004 Water Resources and Environmental History ASCE Publications p 36 ISBN 0 7844 7550 4 b k 2001 Dedan Archaeological Encyclopedia of the Holy Land New York and London Continuum p 137 ISBN 0 8264 1316 1 ekbcakaehlngedimemux 23 knyayn 2023 subkhnemux 26 krkdakhm 2021 Snippet view Lionel Casson 2012 The Periplus Maris Erythraei Text with Introduction Translation and Commentary Princeton University Press p 150 ISBN 978 1 4008 4320 6 Peter Richardson 1999 Herod King of the Jews and Friend of the Romans Continuum p 230 ISBN 0 567 08675 5 Harun Yahya 1999 Perished Nations Global Yayincilik p 115 ISBN 1 897940 87 4 Jan Retso 2013 The Arabs in Antiquity Their History from the Assyrians to the Umayyads Routledge p 402 ISBN 978 1 136 87282 2 Clifford Edmund Bosworth 1989 The Encyclopedia of Islam Vol 6 Brill Archive p 561 ISBN 9004090827 G Johannes Botterweck Helmer Ringgren 1979 Theological Dictionary of the Old Testament Vol 3 Wm B Eerdmans Publishing p 448 ISBN 0 8028 2327 0 Jawad ʻAli 1968 Digitized 17 February 2007 الـمـفـصـ ل في تـاريـخ العـرب قبـل الإسـلام Detailed history of Arabs before Islam phasaxahrb Vol 2 Dar al ʻIlm lil Malayin p 482 Albert Jamme 1962 Inscriptions From Mahram Bilqis Marib Baltimore p 392 Dieter Vogel Susan James 1990 Yemen APA Publications p 34 Klaus Schippmann 2001 Ancient South Arabia from the Queen of Sheba to the advent of Islam Markus Wiener Publishers pp 52 53 ISBN 1 55876 236 1 Francis E Peters 1994 Muhammad and the Origins of Islam SUNY Press p 48 ISBN 0 7914 1875 8 Scott Johnson 1 phvscikayn 2012 The Oxford Handbook of Late Antiquity Oxford University Press p 265 ISBN 978 0 19 533693 1 Y M Abdallah 1987 The Inscription CIH 543 A New Reading Based on the Newly Found Original in C Robin amp M Bafaqih b k Sayhadica Recherches Sur Les Inscriptions De l Arabie Preislamiques Offertes Par Ses Collegues Au Professeur A F L Beeston Paris Librairie Orientaliste Paul Geuthner S A pp 4 5 Raphael Patai Jennifer Patai 1989 The Myth of the Jewish Race Wayne State University Press p 63 ISBN 0 8143 1948 3 Uwidah Metaireek Al Juhany 2002 Najd before the Salafi reform movement social political and religious conditions during the three centuries preceding the rise of the Saudi state Ithaca Press p 171 ISBN 0 86372 401 9 Scott Johnson 1 phvscikayn 2012 The Oxford Handbook of Late Antiquity Oxford University Press p 266 ISBN 978 0 19 533693 1 Scott Johnson 1 phvscikayn 2012 The Oxford Handbook of Late Antiquity Oxford University Press p 282 ISBN 978 0 19 533693 1 Irfan Shahid 1989 Byzantium and the Arabs in the 5th Century Dumbarton Oaks p 65 ISBN 0 88402 152 1 Scott Johnson 1 phvscikayn 2012 The Oxford Handbook of Late Antiquity Oxford University Press p 293 ISBN 978 0 19 533693 1 Scott Johnson 1 phvscikayn 2012 The Oxford Handbook of Late Antiquity Oxford University Press p 285 ISBN 978 0 19 533693 1 krathrwngsatharnsukhaelaprachakr praethseyemn Law establishing province of Socotra Archipelago issued Presidenthadi gov ye info 18 thnwakhm 2013 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 22 kumphaphnth 2014 subkhnemux 15 kumphaphnth 2014 Yemen to Become Six Region Federation 10 kumphaphnth 2014 ekbcakaehlngedimemux 27 phvsphakhm 2018 subkhnemux 10 kumphaphnth 2014 Al Haj Ahmed 3 mkrakhm 2015 Yemen s Shiite rebels reject plan for federal system The Washington Post ekbcakaehlngedimemux 3 thnwakhm 2021 subkhnemux 21 minakhm 2015 Yemeni government quits in protest at Houthi rebellion The Guardian 22 mkrakhm 2015 subkhnemux 21 minakhm 2015 Greenfield Danya 22 mkrakhm 2015 Yemen crisis A coup in all but name BBC News ekbcakaehlngedimemux 31 mkrakhm 2023 subkhnemux 21 minakhm 2015 The General Census of Population 2004 Sabanews 29 thnwakhm 2004 Updated 13 December 2013 ekbcakaehlngedimemux 6 thnwakhm 2013 subkhnemux 13 thnwakhm 2013 The population explosion on Europe s doorstep Times London London 18 phvsphakhm 2008 ekbcakaehlngedimemux 24 mithunayn 2011 subkhnemux 22 kumphaphnth 2013 praethseyemn ekbthawr 2011 05 10 thi ewyaebkaemchchin cakewbistkrathrwngtangpraethshmayehtuphunthieyemnrwmthungphunthithisaxudixaraebiyykihkhux 555 000 tarangkiolemtr xyangirktam enuxngcakkaaephngknrahwangsaxudixaraebiy eyemn eyemncungmkthukphicarnawayngkhngmiphunthi 530 000 tarangkiolemtraehlngkhxmulxunYemen thiokhrngkarphinxngkhxngwikiphiediy hakhwamhmaycakwikiphcnanukrmphaphaelasuxcakkhxmmxnsenuxhakhawcakwikikhawkhakhmcakwikikhakhmkhxmultnchbbcakwikisxrshnngsuxcakwikitara rthbal xahrb Yemen Government official portal At the Wayback Machine March 2009 Yemen entry at The World Factbook praethseyemn aehlngkhxmulbnekhruxkhayewbcdthaody GovPubs thihxsmudmhawithyalyokholraod obledxr praethseyemn thiewbist Curlie Yemen profile from the BBC News Wikimedia Atlas of Yemenkarsuksakarthxngethiywkhumuxkarthxngethiyw praethseyemn cakwikithxngethiyw inphasaxngkvs

บทความล่าสุด
  • พฤษภาคม 25, 2025

    จำนวนตรรกยะ

  • พฤษภาคม 25, 2025

    จังหวัดฮกไกโด

  • พฤษภาคม 25, 2025

    จังหวัดรยังกัง

  • พฤษภาคม 25, 2025

    จังหวัดปาปัวใต้

  • พฤษภาคม 25, 2025

    จังหวัดปาปัว

www.NiNa.Az - สตูดิโอ

    การสมัครรับจดหมายข่าว

    เมื่อคุณสมัครรับจดหมายข่าวของเรา คุณจะได้รับข่าวสารล่าสุดจากเราเสมอ
    ติดต่อเรา
    ภาษา
    ติดต่อเรา
    DMCA Sitemap
    © 2019 nina.az - สงวนลิขสิทธิ์.
    ลิขสิทธิ์: Dadash Mammadov
    เว็บไซต์ฟรีที่ให้บริการแบ่งปันข้อมูลและไฟล์จากทั่วทุกมุมโลก
    สูงสุด